ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สถาบันคุ้มครองเงินฝากพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นผู้ฝากเงิน

สถาบันคุ้มครองเงินฝากเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นผู้ฝากเงิน ชีพัฒนาแผนยุทธศาสตร์มุ่งมั่นพัฒนาระบบปฏิบัติการจ่ายคืนผู้ฝาก และระบบการชำระบัญชีและบริหารจัดการสินทรัพย์ต่อเนื่อง      แจงล่าสุดดูแลผู้ฝากเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองกว่า 70 ล้านราย

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ประธานกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก แถลงผลการดำเนินงานของสถาบันคุ้มครองเงินฝากในปี 2559 ที่ผ่านมา และแผนการดำเนินงานในปี 2560 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

 

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2559 และแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2560

เศรษฐกิจไทยปี 2559 ขยายตัวร้อยละ 3.2ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 4 ปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับการลงทุนภาคเอกชน การส่งออกสินค้าและบริการ ที่ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน ขณะที่การลงทุนภาครัฐขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง 

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2560 สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดว่าจะขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นที่
ร้อยละ 3.6 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.1 – 4.1จากแรงขับเคลื่อนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการลงทุนภาครัฐ ซึ่งจะทำให้เอกชนมีความเชื่อมั่นในการลงทุน รวมทั้งแนวโน้มรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้นซึ่ง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ต่อเนื่อง ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวต่อเนื่อง และการส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน  

 

เสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินในปี 2559

ระบบสถาบันการเงินยังคงมีเสถียรภาพอยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่ง ณ สิ้นปี 2559 สถาบันการเงินทั้งระบบมีฐานะเงินกองทุนแข็งแกร่ง และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการจัดสรรกำไรเป็นสำคัญ โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 18.05 จากร้อยละ 17.44 ในปีก่อน และอัตราส่วนเงินกองทุน    ชั้นที่ 1 (Tier-1 Ratio) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 15.08จากร้อยละ 14.60 ในปีก่อน สำหรับการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง (Liquidity Coverage Ratio: LCR) ตามเกณฑ์ Basel III อยู่ที่ร้อยละ 175.19โดยธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งมี LCR สูงกว่าเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนดที่ร้อยละ 60 อยู่มาก 

สำหรับสินเชื่อรวมของระบบสถาบันการเงิน (รวมสินเชื่อระหว่างธนาคารและตลาดเงิน) ณ สิ้นปี 2559 มีจำนวน 13.64 ล้านล้านบาท โดยขยายตัวในอัตราเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 3.11 เทียบกับปี 2558 ที่ขยายตัวได้ร้อยละ 2.71 สำหรับสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) อยู่ที่ร้อยละ 2.83 จากร้อยละ 2.56 ในปีก่อน ขณะที่เงินสำรองสินเชื่อยังอยู่ในระดับสูง คิดเป็ร้อยละ 136.47 ของสินเชื่อที่         ไม่ก่อให้เกิดรายได้  ดังนั้น แม้ว่าสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น แต่สถาบันการเงินได้มีการตั้งสำรองสำหรับสินเชื่อเพิ่มขึ้นเพียงพอที่จะรองรับคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลง 

สำหรับเงินฝาก ณ สิ้นปี 2559 มีจำนวนทั้งสิ้น 12.61 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.44จากสิ้นปี 2558 และในปี 2559 สถาบันการเงินมีกำไรสุทธิจำนวน 1.99 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ร้อยละ 3.60 เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นจากการบริหารจัดการต้นทุนดอกเบี้ย 

ทั้งนี้ หากวิเคราะห์สถาบันการเงินในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย (ธพ.ไทย) ทั้งกลุ่ม ธพ. ไทย       ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ก็มีเสถียรภาพอยู่ในเกณฑ์ดี มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) และมีการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไทยเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง (Liquidity Coverage Ratio: LCR) ตามเกณฑ์ Basel III สูงกว่าเกณฑที่ ธปท. กำหนดอยู่มาก

 

เงินฝากที่ได้รับการคุ้มครอง

ณ สิ้นปี 2559 สถาบันการเงินที่อยู่ในความคุ้มครองของสถาบันคุ้มครองเงินฝากมีจำนวน 35 แห่ง โดยมีจำนวนผู้ฝากเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองเงินฝากรวมทั้งสิ้นประมาณ 70.93 ล้านราย หรือคิดเป็นจำนวนเงินฝากในระบบกว่า 11.9 ล้านล้านบาท โดยเงินฝากที่อยู่ในวงเงินคุ้มครองไม่เกิน 15 ล้านบาท ต่อรายผู้ฝากต่อสถาบันการเงิน จำนวน 70.85 ล้านราย หรือคิดเป็นร้อยละ 99.90 ของผู้ฝากเงินทั้งระบบอย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงวงเงินคุ้มครองจาก 25 ล้านบาท เป็น 15 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2559 โดยรวมแล้วไม่มีสัญญาณการโยกย้ายเงินฝากออกจากระบบสถาบันการเงิน

 

ฐานะของกองทุนคุ้มครองเงินฝากปี 2559

กองทุนคุ้มครองเงินฝาก ณ สิ้นปี 2559 มีจำนวน 116,596 ล้านบาท โดยสถาบันลงทุนทั้งหมดในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก กฎกระทรวง และนโยบายการลงทุนที่กำหนดการลงทุนของสถาบันเน้นลำดับความสำคัญ คือ ความมั่นคง สภาพคล่อง และผลตอบแทน  โดย ณ สิ้นปี 2559 มีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย เงินฝากธนาคารแห่งประเทศไทย ตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ออก และการฝากเงินกับธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น 

 

ผลการดำเนินงานตามแผนงานของสถาบันปี 2559

สำหรับปี 2559 คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2559 ได้มีมติที่สำคัญ 2 เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ  การคุ้มครองเงินฝาก ได้แก่ 

1. การขยายระยะเวลาที่จะบังคับใช้วงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาท จากเดิมบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2559 เลื่อนเป็นตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2563 โดยมีการทยอยปรับวงเงินคุ้มครองเป็นลำดับขั้น   ซึ่งช่วยสนับสนุนความมั่นใจและเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นและ     ทำให้ผู้ฝากเงินมีระยะเวลาในการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่จะบริหารจัดการเงินฝาก และเงินลงทุนอย่างเหมาะสม
2. การแก้ไขพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ.2551 เกี่ยวกับขั้นตอนกระบวนการจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงิน โดยประเด็นสำคัญ คือ การกำหนดให้สถาบันจ่ายคืนเงินแก่ผู้ฝากทุกรายภายใน 30 วันนับแต่วันที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยที่ผู้ฝากไม่ต้องมายื่นคำขอรับเงิน ซึ่งจะช่วยอำนวย   ความสะดวกให้แก่ผู้ฝากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ กระบวนการแก้ไขพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝากดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนการนำเสนอคณะรัฐมนตรี ก่อนเสนอ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

 

เพื่อให้การสนับสนุนและรองรับกับนโยบายของภาครัฐซึ่งเป็นประโยชน์แก่ประชาชนผู้ฝากเงิน สถาบันได้มุ่งดำเนินการที่สำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ ด้านแรก คือ ด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ สถาบันได้เดินหน้าสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่สถาบันการเงิน และร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จัดสัมมนาให้ความรู้ด้านการคุ้มครองเงินฝากในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงประสานกับสถาบันการเงินสมาชิกในการเผยแพร่ข้อมูลการคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งได้รับผลตอบรับจากประชาชนผู้ฝากเงินเป็น   อย่างดี โดยประชาชนมีความเข้าใจและความเชื่อมั่นกับการคุ้มครองเงินฝากเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้    เพื่อพัฒนาการเสริมสร้างความรู้ด้านการคุ้มครองเงินฝาก สถาบันได้มีการสำรวจการรับรู้ของประชาชนที่มีต่อสถาบันและระบบคุ้มครองเงินฝาก เพื่อนำผลมาพัฒนากระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจและประสิทธิภาพงานด้านการสื่อสารต่อไป 

ด้านที่สอง ้านการจ่ายคืนผู้ฝาก สถาบันมุ่งให้ความสำคัญกับภารกิจนี้เป็นอย่างยิ่ง พื่อพัฒนาให้การจ่ายคืนผู้ฝากมีความสะดวกและรวดเร็ว โดยมีการพัฒนาระบบปฏิบัติงานจ่ายคืนผู้ฝากซึ่งเป็นการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการปฏิบัติงานของกระบวนการจ่ายคืนเงินผู้ฝากเมื่อสถาบันการเงิน        ถูกเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งช่วยให้กระบวนการจ่ายคืนเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว 

 

นอกจากการดำเนินการเพื่อรองรับและสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ สถาบันได้ดำเนินงานด้านที่สำคัญอื่นๆ สำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

1. ด้านการชำระบัญชี เพื่อให้การเตรียมความพร้อมในการชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ถูก         ปิดกิจการอย่างมีประสิทธิภาพ สถาบันได้พัฒนากระบวนการด้านการชำระบัญชีและบริหารสินทรัพย์อย่างครบถ้วน และพร้อมในการปฏิบัติงานตามพันธกิจ นอกจากนี้ สถาบันยังมี        การทบทวนและปรับปรุงจัดทำแนวทางการปฏิบัติงานของสถาบันในช่วงที่สถาบันการเงิน         ถูกควบคุม ช่วงการจ่ายคืน และช่วงการชำระบัญชีให้พร้อมใช้งานเมื่อเกิดเหตุการณ์  
2. ด้านการสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานภายนอก สถาบันได้สร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งหน่วยงานภายในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 สถาบันได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับสถาบันประกันเงินฝากประเทศเกาหลีใต้ (KDIC) แลต่ออายุบันทึก    ความร่วมมือกับกองทุนปกป้องผู้ฝากเงินสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 
3. ด้านการพัฒนาบุคลากรและองค์กรสถาบันได้มีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ครบถ้วนเพียงพอ มีการพัฒนาระบบการตรวจสอบให้ครบถ้วนตามมาตรฐานสากล เพื่อให้      การบริหารงานของสถาบันเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและการบริหารจัดการที่ดี และมี       การรักษาและพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมเพื่อปฏิบัติงานตามพันธกิจ 

 

ยุทธศาสตร์และแผนการดำเนินงานที่สำคัญของสถาบันปี 2560 

ในปี 2560 สถาบันมีเป้าหมายที่จะพัฒนาระบบจ่ายคืนผู้ฝากและชำระบัญชีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มช่องทางการสื่อสารประชาสัมพันธ์แก่ผู้ฝากเงิน สถาบันการเงิน และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในตาข่ายความมั่นคงทางการเงินให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

1.ด้านกาจ่ายคืนผู้ฝาก  สถาบันเดินหน้าพัฒนาระบบจ่ายคืนผู้ฝากให้ดำเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น 

โดยจัดให้มีการประมวลผลข้อมูลรายผู้ฝากเพื่อการจ่ายคืนของสถาบันการเงินทุกแห่งได้อย่างรวดเร็วและพัฒนาระบบปฏิบัติงานจ่ายคืนผู้ฝาก ซึ่งนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุนการจ่ายคืนแก่ผู้ฝากให้  แล้วเสร็จ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ฝากได้รับความสะดวกและรวดเร็วในการจ่ายคืน 

2. ด้านการชำระบัญชีและบริหารสินทรัพย์ เพื่อให้การบูรณการการชำระบัญชีและบริหารสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2560สถาบันจะดำเนินการทบทวนและปรับปรุงนโยบายชำระบัญชี กรอบแนวทางที่จะนำไปจัดทำแผนและคู่มือปฏิบัติการในการชำระบัญชีและบริหารจัดการสินทรัพย์ รวมถึงกระบวนการในการทำงาน และคู่มือปฏิบัติงานด้านการชำระบัญชีและบริหารจัดการสินทรัพย์ ตั้งแต่สถาบันการเงินถูกควบคุม จนถึงสถาบันการเงินเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย นอกจากนี้ สถาบันจะจัดทำแนวทาง    การนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้สำหรับงานด้านการชำระบัญชีและบริหารจัดการสินทรัพย์ เพื่อให้   การดำเนินการชำระบัญชีและบริหารสินทรัพย์ของสถาบันการเงินที่ถูกปิดเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 

3. ด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ สถาบันยังคงเดินหน้าเพิ่มระดับการรับรู้ของประชาชนที่มีต่อระบบคุ้มครองเงินฝากอย่างต่อเนื่อง โดยมีการพัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ เกี่ยวกับการคุ้มครอง

เงินฝากที่เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น

4. ด้านการพัฒนาบุคลากรและองค์กรสถาบันจะพัฒนาการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อป้องกันและปิดช่องโหว่ของ IT Architecture จาก

ภัยคุกคามไซเบอร์ (Cyber-security risk assessment) รวมทั้งการมุ่งมั่นสร้างบุคลกรที่มีความสามารถ     โดยปี 2560 สถาบันมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรและสร้างความผูกพันของพนักงานต่อองค์กรให้เพิ่มขึ้นต่อไป 

 

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการคุ้มครองเงินฝาก ได้ทางศูนย์บริการ

ข้อมูลคุ้มครองเงินฝาก โทร.1158 และศึกษาข้อมูลได้ทางเว็บไซต์ www.dpa.or.th


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Money Expo Chiangmai 2015 ทุ่มแคมเปญโปรโมชั่นส่งท้ายปี กู้บ้าน 0% 6 เดือน/กู้เอสเอ็มอี 4% 7 ปี ฝากเงินลุ้นรถลุ้นทอง/สลากออมทรัพย์ลุ้น 10 ล้าน"

เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก และ แม่ฮ่องสอน   ให้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจร นายสันติกล่าวว่า เนื่องจากเป็นช่วงส่งท้ายปี ธนาคารและสถาบันการเงินที่เข้าร่วมงานจึงได้เตรียม แคมเปญ พิเศษมาแข่งขันกันอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างยอดธุรกรรมให้ได้ตามเป้าหมายของปี 2558 เช่น   สินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 0 %  6 เดือน   เงินฝากดอกเบี้ยสูง  3.4 %  ไม่เสียภาษี   แถมลุ้นรถลุ้นทอง   พร้อมขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลปล่อยกู้เอสเอ็มอีดอกเบี้ยพิเศษ 4 %  นาน 7 ปี   ลุ้นรับรางวัลสลากออมทรัพย์มูลค่า 10 ล้าน   ซื้อประกันชีวิต  แจกฟรี   iPhone  6 Plus- iPad  mini- แพ็กเกจทัวร์สวิส, ญี่ปุ่น   เป็นต้น  ​ ในส่วนของบริการทางการลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มาเปิดสถานีการลงทุน   “ SET I nvestment  S tation ”  เพื่อนำเสนอช่องทางลงทุนอย่างครบวงจร   ทั้งหุ้น อนุพันธ์ ทอง กองทุนรวม   โดยมีที่ปรึกษาการวางแผนทางการเงินมาแนะนำวิ...

“คุณไพโรจน์” ทำฝันเด็กให้เป็นจริง

ผู้ใหญ่ใจดี... แม้จะงานรัดตัวแค่ไหนก็ตาม  คุณไพโรจน์ ชื่นครุฑ บิ๊กบอสแห่ง กรุงศรี ออโต้  ก็ยังไม่ลืมแบ่งเวลาตอบแทนสังคม ล่าสุด  เตรียม พาเด็กๆ จากโรงเรียนศูนย์รวมน้ำใจ  74   คน ชมละครเวที “มอม เดอะ มิวสิคัล” เพื่อให้กำลังใจ ดช.อดิศักดิ์ นาคไทสงค์ นักเรียนโรงเรียนศูนย์รวมน ้ ำใจ ซึ่งรับบทเป็น มอมตอนเด็ก ทั้งยังมอบประสบการณ์การชมละคร เวทีให้แก่เด็กๆ เพื่อ สร้างแรงบันดาลใจ และความสนใจ ด้านศิลปะต่อไป เรียกว่าไม่หลุด คอนเซ็ปต์   Krungsri Simple to Share  เลยทีเดียว ประสบการณ์ใหม่กับ กรุงศรี ออโต้    “ กรุงศรี ออโต้ ”  ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ เครือกรุงศรี ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร ได้แก่ สินเชื่อเพื่อคนมีรถ  “ คาร์ ฟอร์ แคช ”  สินเชื่อรถบ้าน  ” กรุงศรี รถบ้าน ”  สินเชื่อรถใหม่  “ กรุงศรี นิว คาร์ ”  สินเชื่อรถเต็นท์  “ กรุงศรี ยูสด์ คาร์ ”  สินเชื่อรถบรรทุกใหม่  “ กรุงศรี ทรัค ”  สินเชื่อซื้อรถยนต์ไว้ใช้ในกิจการ  “ กรุงศรี ฟลีท แอนด์ ลีสซิ่ง ”  ซึ่งให้บริการโดยกลุ่มงานธุรกิจส...

ฟาร์มอินทร์แปลงชนะเลิศ“ออมสิน สุดยอดแนวคิดธุรกิจวิถีไทย”คว้าเงินรางวัล 1 ล้านบาท 10 ทีมสุดท้ายแพ็คกระเป๋าเตรียมเป็นผู้ประกอบการดูงานญี่ปุ่น 6 - 11 ธ.ค.นี้

ประกาศผล โครงการประกวด  “ ออมสิน สุดยอดแนวคิดธุรกิจวิถีไทย ” ทีมฟาร์มอินทร์แปลง ชนะเลิศคว้าเงินรางวัล 1,000,000 บาท ส่วน 10 ทีมสุดยอดธุรกิจ ว่าที่ผู้ประกอบการในอนาคตเตรียมบินตรงญี่ปุ่น ร่วมโปรแกรม  Outing Startup 6  -11 ธ.ค.นี้  นายชาติชาย พยุหนนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผย ว่า  โครงการประกวด  “ ออมสิน สุดยอดแนวคิดธุรกิจวิถีไทย ”  ที่เริ่มมาตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นเวลากว่าสี่เดือนนนั้นขณะนี้โครงการฯ   ได้ประกาศผลการตัดสินรอบชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยรางวัลชนะเลิศ คือ  ทีมฟาร์มอินทร์แปลง  ด้วย ผลงาน  IN MILK  ผลิตภัณฑ์นม  IN MILK Herb+  นมพาสเจอไรส์ ผสมสมุนไพรตะไคร้ และใบเตยหอม  ที่ มีสรรพคุณทางยา   ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 1 ล้านบาท ,       รองชนะเลิศอันดับ  1   ทีม  EZ Jam  ผลงาน  EASY Jam “ แยมมะเม่าชนิดแผ่น ”  ผลิตภัณฑ์แยมรูปแบบแผ่นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขึ้นรูปด้วยคาร์ราจีแนนและโลคัสบันกัมมาพร้อมคุณค่าทางสารอาหาร  เงินรางวัล ม...